เรียนสายไอทีที่จีนทำไม?
สถาบัน-มหาวิทยาลัยจีนรั้งอันดับ 1 ของโลก ในคุณภาพการวิจัยทั้งภาพรวม และสายคอมพิวเตอร์ หลักฐานบ่งชี้ "จีนมุ่งเน้นพัฒนาวิจัยและเทคโนโลยี"
-----
สมัยได้ทุนไปเรียน Computer Software and Theory ซึ่งอยู่ในสาย Computer Science ที่ Beihang University กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อปี 2011 หรือราว 10 ปีที่แล้ว มีคนจำนวนไม่น้อย ถามผมว่า ไปเรียนสายไอทีที่จีนเนี่ยนะ ไปทำไมกัน จีนล้าหลังเน้อ ไปเรียนแล้วจะได้อะไร เขาดูด้อยกว่าไทยนะ
.
เอาจริงๆภาพจำเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในอดีตจีนเคยเป็นแต่ประเทศผู้ใช้นวัตกรรม เสมือนเป็นแรงงานผลิตตามสั่ง และมีสินค้าก็อปปี้จำนวนมาก
.
จีนเองก็รู้ถึงปัญหาของตนเองว่าด้อยอะไร ต้องปรับปรุง พัฒนาเพิ่มเติมอะไร จึงจะไปถึงเป้า "ผู้นำโลก"
.
จีนจึงมุ่งไปที่การศึกษา การวิจัยและการพัฒนานวัตกรรม อย่างที่อ้ายจงเคยเล่าอยู่บ่อยครั้งเหมือนกันว่า จีนเปรียบดัง "โรงงานวิจัย" ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างปั่นเปเปอร์ ทำงานวิจัย สร้างนวัตกรรมออกมา เพราะเขาเชื่อมันคือกลไกนำไปสู่มหาอำนาจโลก
.
ปีนี้ 2021 ความพยายามของจีน ทำให้ การจัดอันดับองค์กร-สถาบัน-มหาวิทยาลัย จากทาง Scimago ที่มุ่งเน้นวัดคุณภาพทางการวิจัย เราได้เห็นอันดับ 1 ของโลกทั้งแบบ Overall และสาขา Computer Science ตกอยู่ในมือ Chinese Academy of Sciences (สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน) และกระทรวงศึกษาธิการจีนเข้ามารั้งอันดับที่ 3
.
ถ้านับแค่ มหาวิทยาลัย Scimago จะตัด Chinese Academy of Sciences และกระทรวงศึกษาธิการจีนออกไป ทำให้ Harvard University ของอเมริกามาเป็นอันดับที่ 1 แบบ Overall และ Tsinghua University มาเป็นที่ 3
.
ในสาย Computer Science ม.Tsinghua ขึ้นมาครองเบอร์ 1ของโลกแบบจัดอันดับเฉพาะมหาวิทยาลัย โดย Harvard ไม่ติด Top10 สายนี้
.
และที่น่าสนใจคือ มหาวิทยาลัยจีนเข้ามาอยู่ใน Top 10 สาขา Computer Science ระดับโลก ถึง 5 มหาวิทยาลัย อเมริกา 4 แห่ง และสิงคโปร์ 1 แห่ง
.
สำหรับ Beihang University มหาวิทยาลัยที่อ้ายจงไปเรียนปริญญาโท ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 21 ของโลก และอันดับ 7 ของจีน ในสาย Computer Science ในการจัดอันดับทางการวิจัยของสถาบันต่างๆทั่วโลก ที่เน้นผลงานวิจัยที่มีการตีพิมพ์ในฐานข้อมูลอันเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ โดยการจัดอันดับนี้ จัดโดย Scimago
.
ถ้านับเฉพาะสถาบันที่เป็นมหาวิทยาลัย (ไม่เอาพวกสถาบันวิจัยภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐอื่น ๆเช่น กระทรวงการศึกษา ที่ทาง Scimago เอามาจัดอันดับด้วย เพราะมีการทำวิจัยออกมาเช่นกัน)
.
ในสาย Computer Science "Beihang University" จะอยู่ในอันดับ 8 ของโลก และ 5 ของจีน
.
Factors ปัจจัยที่ทาง scimago เอามาจัดอันดับ เน้นที่ Research เป็นหลัก สัดส่วน 50% รองลงมาคือ นวัตกรรม 30% และทางสังคม 20% โดยทางสังคม หมายถึงพวกการจัดทำเนื้อหาเว็บไซต์ มีการอ้างอิงบนออนไลน์
.
จริงๆแล้ว การจัดอันดับสถาบัน หรือมหาวิทยาลัย ไม่สามารถบ่งบอกคุณภาพการเรียนการสอนและคุณภาพของนักศึกษา-ผู้เกี่ยวข้องกับที่นั่นได้ทั้งหมด แต่ก็พอจะทำให้เห็นถึงผลงานการวิจัย ผลงานนวัตกรรม และการให้ความสำคัญต่อการวิจัยการพัฒนานวัตกรรมและการศึกษาทั้งในภาพรวมและสายเฉพาะต่างๆว่าแต่ละแห่งเป็นอย่างไร
.
การจัดอันดับ Scimago ครั้งนี้จึงพอจะเป็นหลักฐานได้บ้างถึงนโยบายจีนที่เน้นเรื่องการวิจัย การศึกษา โดยเฉพาะทางด้านพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ได้
.
สำหรับทางสายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่จีนให้ความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) , Big Data, Blockchain Technology, IoTs (Internet of Things), 5G - 6G ,Cloud computing, ความปลอดภัยทางด้านเครือข่าย
.
ตามความเห็นของอ้ายจง จากประสบการณ์ที่เคยเรียนและใช้ชีวิตในจีน ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จีนพัฒนาทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีได้ไว เป็นเพราะคนจีนเป็นหนึ่งในชนชาติที่เก่งคณิตศาสตร์ โดยปลูกฝังมาตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นหลักสำคัญทำให้การคิดเป็นระบบ และต่อยอดทางสายคอมพิวเตอร์และพัฒนานวัตกรรมได้ไม่ยาก
.
ดูข้อมูลอันดับสถาบันและมหาวิทยาลัยทั้งหมดบน Scimago ที่ https://www.scimagoir.com/rankings.php
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน